ยืนบนท้องทุ่งแห่งจิตใจ

ถ้าได้เรียนรู้โลกของจิตใจ
จะได้ใกล้ชิดกับความสุข

เมื่อนานมาแล้ว มีแม่ทัพคนหนึ่งในประเทศซีเรีย ในบ้านท่านมีผู้หญิงสองคน คนหนึ่งคือภรรยาซึ่งมีความงดงาม พลัง และอำนาจ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นสาวใช้ที่จับมาเป็นเชลยจากประเทศอื่น ภรรยาของแม่ทัพควรจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและปีติยินดี ส่วนสาวใช้ควรจะมีชีวิตที่วิตกกังวลและเศร้า แต่กลับตรงกันข้ามกัน ภรรยาของแม่ทัพทุกข์ทรมานเพราะโรคของสามี ส่วนสาวใช้มีความหวังอยู่เต็มเปี่ยมในใจ

'ท่านแม่ทัพน่าจะหายโรคได้ถ้าไปหาผู้เผยพระวจนะที่ประเทศของเรา..หากเราเอาเรื่องนี้ไปบอกท่านแม่ทัพ ท่านต้องดีใจมากแน่ๆ เลย ถ้ารักษาโรคให้หายได้คงจะดีมากเลยนะ บรรยากาศบ้านนี้คงเปลี่ยนจากที่มืดเป็นสว่าง ฉันก็คงมีความสุขมากขึ้นด้วย'

ทุกวันนี้มีคนมากมายที่ภายนอกดูงดงามหรูหรา แต่ข้างในกลับเต็มไปด้วยความวิตกกังวล ความเศร้า และความทุกข์ ในทางตรงกันข้าม บางคนอาจเป็นคนที่ภายนอกดูไม่มีอะไร แต่มีความปลื้มปีติและความหวังในใจ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข

หากเราได้เรียนรู้เรื่องโลกของจิตใจ เราจะได้สัมผัสว่าอะไรคือความดีใจที่แท้จริง อะไรคือความเบิกบานที่แท้จริง อะไรคือความสุขที่แท้จริง ในทางตรงกันข้าม ถ้าคนเราไขว่คว้าหาความสุขสบายของร่างกาย เขาอาจได้ของที่ตัวเองต้องการและมีชีวิตที่หรูหราขึ้น แต่จะหาความสุขในจิตใจจริงๆ เป็นเรื่องยาก

ปัจจุบันนี้โลกแห่งวัตถุซึ่งมองเห็นได้ด้วยตาพัฒนาไปไกลกว่าโลกของจิตใจ ถ้าคนเราได้เรียนรู้เรื่องโลกของจิตใจ ชีวิตจะเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ไม่จำเป็นต้องถูกลากไปตามสิ่งไร้ประโยชน์ และไม่เพียงได้รู้จักความสุขที่แท้จริงเท่านั้น แต่ยังสามารถแบ่งปันความสุขให้แก่คนอื่นได้อีกด้วย...