คำนำเสนอ
กระจกแห่งจิตวิญญาณ
ดวงตาแห่งกาลเวลา
ของอรชุมา ยุทธวงศ์
.
ผมรู้จักครูแอ๋ว อรชุมา ยุทธวงศ์ ครั้งแรกเมื่อปี 2548
จากการแนะนำของพี่เก้ง จิระ มะลิกุล
ตอนนั้นน่าจะเป็นปีท้ายๆ ของการทำนิตยสาร OPEN
และน่าจะเป็นปีแรกๆ อันเป็นจุดเริ่มต้นของ GTH
บริษัทผลิตภาพยนตร์ชั้นนำของไทย
.
ปลายปี 2547 พี่เก้งปักหลักถ่ายทำ “มหา’ลัย เหมืองแร่"
จากบทประพันธ์อันลือลั่นของคุณอาจินต์ ปัญจพรรค์
นักเขียนและบรรณาธิการชั้นครู อยู่ที่พังงา
.
ผมขับรถล่องใต้ลงไปสัมภาษณ์
เพื่อทำหนังสือเบื้องหลังภาพยนตร์เรื่องนั้น
อันทำให้มีโอกาสสนทนากับผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย
ซึ่งในที่สุดกลายมาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท GTH
(ก่อนจะวิวัฒน์เป็น GDH ในภายหลัง)
.
เนื่องจากเส้นทางยาวไกล ผมจึงตัดสินใจพักที่ระนอง
โดยหารู้ไม่ว่า เช้าวันนั้น วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2547
ห่างจากถนนที่ผมขับรถอยู่ออกไปไม่ไกล
คลื่นสึนามิได้ซัดเข้าฝั่งอันดามันตลอดเส้นทาง
จนก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง
ของประเทศไทยและของโลก
.
โชคดีที่กองถ่ายปักหลักกันอยู่ที่เหมืองแร่จำลองกลางป่า
หาใช่สถานที่ริมทะเล และนั่นเป็นวันปิดกล้องวันสุดท้าย
ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายไปปฏิบัติภารกิจของชีวิต
ตามสคริปต์ที่ทุกคนได้รับมอบหมายมา
.
กองถ่ายจึงได้ยินข่าวร้ายผ่านทางโทรศัพท์
และยากเกินกว่าจะจินตนาการได้ว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นห่างออกไปไม่ไกล
สร้างความเสียหายให้มากมายขนาดไหน
.
ปีนั้นเป็นปีที่ผมกำลังตัดสินใจหลายเรื่องสำคัญของชีวิต
ทั้งเรื่องการงาน เรื่องส่วนตัว ทุกเรื่องล้วนพันพัวเกี่ยวข้อง
จนคล้ายถูกคลื่นสึนามิซัดเข้าใส่ชีวิตเป็นระลอก
.
ผมมิได้เปิดเผยหรือแลกเปลี่ยนกับผู้ใด
ทั้งหมดล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่
และเปลี่ยนแปรไปในทะเลใจของตนเอง
.
ผมทำหนังสือ “มหา’ลัย เหมืองแร่”
(The Chemistry of Movie) ออกมาจนแล้วเสร็จ
เมื่อภาพยนตร์ออกฉาย แม้รายได้ไม่คุ้มทุน
แต่ก็นำมาสู่การก่อร่างสร้างธุรกิจใหม่
ส่วนหนังสือ “มหา’ลัย เหมืองแร่” ก็กลายเป็นตำราเรียน
ในมหาวิทยาลัย ในคณะนิเทศศาสตร์
.
ผมรู้จักพี่ๆ ที่ GTH ทุกคนจากหนังสือเล่มนั้น
รวมทั้งครูแอ๋ว อรชุมา ผู้เป็นเจ้าของหนังสือเล่มนี้
.
หลังการสัมภาษณ์วิธีการโค้ชนักแสดงหน้าใหม่ให้รับบทได้ในเวลาอันสั้น
และการทำเวิร์คช็อปนักแสดงร่วมกันเพื่อให้การแสดงออกมาสมจริง
ครูแอ๋วยังทิ้งโจทย์สำคัญไว้ให้ผมอีกหนึ่งข้อ
คือคำขอให้ช่วยทำหนังสือเบื้องหลังแห่งชีวิตและการงาน
ในฐานะแอ๊คติ้งโค้ชชั้นนำของเมืองไทยอีกหนึ่งเล่ม
.
ผมสัมภาษณ์ครูแอ๋วหลายครั้ง ถอดเทปออกมาให้อ่าน
แต่ด้วยเหตุผลและปัจจัยนานา
หนังสือเล่มที่ว่าก็ไม่เคยสำเร็จออกมาเป็นเล่ม
.
หลังจากนั้น เมื่อคลื่นลูกแล้วลูกเล่าซัดสาดมา
เราก็ได้แต่พยายามตะเกียกตะกายเอาตัวรอดให้พ้นจากการจมน้ำ
ยิ่งนานเข้าๆ เราก็ยิ่งถอยห่างจากฝั่งไป
.
ชีวิตและความสัมพันธ์ของมนุษย์เราก็เป็นเช่นนั้น
ช่วงเวลากว่าทศวรรษที่คลื่นชีวิตซัด
ให้ห่างจากบ้านหลังน้อยอันอบอุ่นของครูแอ๋ว
.
ผมเหมือนเรือลำน้อยที่ถูกคลื่นชีวิตซัดไปหลายทิศทาง
จนไม่สามารถหาทางกลับบ้านที่แท้ของตนเองได้ถูก
.
ในช่วงหนึ่ง ผมไปทำหน้าที่ดำเนินรายการทอล์คโชว์ทางโทรทัศน์
ที่ต้องจัดรายการหนักๆ กับแขกรับเชิญทุกวัน
ครั้งหนึ่งมีโอกาสพบครูแอ๋วในช่วงเวลาสั้นๆ
ครูแอ๋วได้กระซิบบอกเคล็ดวิชาว่า
“ให้รู้สึกว่า เวทีนี้เป็นของเรา เป็นพื้นที่ของเรา”
.
แม้เป็นเพียงคำสั้นๆ แต่นั่นเหมือนกุญแจสำคัญ
ของอาชีพพิธีกรหรือผู้ดำเนินรายการทางโทรทัศน์
นั่นคือเราต้องจัดการจนเชื่อมั่นว่า
พื้นที่บนเวทีแห่งนั้นเป็นของเราจริงๆ
.
เมื่อรู้สึกว่าเป็นที่ทางของเรา เราย่อมมั่นใจและผ่อนคลาย
อันเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้รายการดำเนินไปได้อย่างราบรื่น
.
ผมยังคงต้องฝ่าคลื่นและมรสุมอีกหลายครั้ง ทั้งทางการงานและชีวิต
และคิดว่าครูแอ๋วเอง ก็คงต้องผ่านประสบการณ์เหล่านั้นเช่นกัน
จนวันหนึ่งเมื่อกลับมาพบกัน
ครูแอ๋ว สาวสวยแห่งสังคมสยามก็ย่างเข้าสู่วัย 70 อย่างสง่างาม
ส่วนผมนั้น จากเด็กหนุ่มผู้เกรี้ยวกราด ชอบตั้งคำถาม
ก็กลายเป็นชายวัยกลางคนอายุครบสี่รอบ
.
บ้านหลังน้อยของครูแอ๋วที่เคยใช้เป็นสตูดิโอ
ติวการแสดงให้ผู้คนทั่วฟ้าเมืองไทย กำลังจะถูกยกให้บุตรหลาน
เพื่อปรับเปลี่ยนก่อสร้างให้เข้ากับการใช้งานใหม่
ม่านบาหลีที่เคยย้อยร้อยรักคล้ายม่านไทร
ก็คงเหลือไว้ให้คลี่คลายแต่ในความทรงจำของใครหลายคน
ที่เคยผ่านมาเยือนอาคารหลังนี้
.
ครูแอ๋วมอบต้นฉบับที่ปรับปรุงแล้วให้ผมเมื่อสองปีที่ผ่านมา
อันเป็นช่วงเวลาที่ผมกำลังสร้างงานเขียนชุดใหม่ในซีรีส์ ‘ปัญญา’
ผมจึงยังไม่มีสมาธิพอที่จะจัดการกับงานชิ้นนี้ได้
.
ผ่านไปอีกหนึ่งปี ครูแอ๋วนัดหมายผมให้ไปพบที่บ้านอีกครั้ง
ผมบอกกับครูแอ๋วว่า ได้อ่านต้นฉบับแล้ว
และมีสองข้อที่อยากจะบอกกับครูแอ๋วอย่างตรงไปตรงมา
.
“หนึ่งคือ อยากให้ครูแอ๋วเขียนหนังสือเล่มนี้
เหมือนเป็นหนังสือเล่มสุดท้ายของชีวิต
“สองคือ ถ้าหนังสือเล่มนี้เป็นกล้อง
ขอให้ครูแอ๋วปรับจากการถ่ายรูปคนอื่นตลอดเวลา
ให้หันกลับมาถ่ายเซลฟี่ตัวเอง”
.
ในฐานะบรรณาธิการ
ผมมักบอกกับนักเขียนที่ร่วมงานกันเสมอว่า
บรรณาธิการมิได้มีหน้าที่ทำให้นักเขียนรัก
หากแต่มีหน้าที่ทำให้คนอ่านรักงานของนักเขียน
.
บรรณาธิการจึงมีความจำเป็นต้องซื่อสัตย์กับนักเขียนเป็นอย่างยิ่ง
จำเป็นต้องทำให้นักเขียนกล้าเผชิญหน้ากับความจริงของต้นฉบับ
ซึ่งก็คือความจริงของตัวนักเขียนเอง
เพราะมีแต่วิธีการนี้เท่านั้น ที่จะทำให้งานเขียน
หรืองานสร้างสรรค์อื่นๆ ดีขึ้นได้
.
ดังคำของวอลเตอร์ แอนเดอร์สัน
นักเขียนบทละครชาวอเมริกัน ที่กล่าวว่า
.
“Our lives improve
only when we take chances –
and the first and most difficult risk
we can take is to be honest with ourselves.”
.
ชีวิตมนุษย์นั้นจะพัฒนาไปได้
ก็ต่อเมื่อเรากล้ารับความเสี่ยง
และความเสี่ยงแรกที่สำคัญที่สุด
ที่เราจำเป็นต้องแบกรับ
คือความซื่อสัตย์กับตนเอง
.
หลังจากดื่มชากันที่เรือนหลังใหม่
ครูแอ๋วได้มอบชากล่องใหญ่ข้างในมีหลายกลิ่นรสให้กับผม
ผมเก็บชากล่องนั้นไว้บนชั้นหนังสือโดยมิเคยเปิดมาดมหรือชงดื่ม
จนวันเดือนผ่านไป ผมก็เริ่มลืมเลือนชากล่องนั้น
.
ในช่วงงานสัปดาห์หนังสือปีที่ผ่านมา
ระหว่างที่เรากำลังจัดวิหารแห่งแสง
เพื่อเป็นการกล่าวอำลาศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ครูแอ๋วได้ส่งต้นฉบับที่ผ่านการปรับปรุงมาแล้วมาทางอีเมล
แต่จนแล้วจนรอด งานที่ไหลมาเป็นระลอกก็ยังคงทำให้ผม
ไม่มีเวลาย้อนกลับมาจัดการกับต้นฉบับครูแอ๋ว
.
จนกระทั่งวันปีใหม่ ครูแอ๋วส่งคำอวยพร
พร้อมข้อความสั้นๆ มาหาว่า
.
“โญ ปีนี้ครูแอ๋วอายุ 72 แล้ว
อยากทำหนังสือเล่มสุดท้ายให้สำเร็จ”
.
ข้อความนี้เพียงข้อความเดียว
ก็เพียงพอที่จะทำให้ผมละวางการงานอื่นๆ ในปีนี้ไว้
แล้วหยิบต้นฉบับของครูแอ๋วมาทำเป็นเล่มแรกของปีนี้
.
นี่จึงเป็นเหตุให้เราได้โอกาสเชิญครูแอ๋ว
มาเยือนสำนักพิมพ์ขนาดเล็กของเรา
ซึ่งดำเนินงานโดยคนสองคน
และนั่นคือเหตุผลที่เราไม่อาจผลิตงานจำนวนมากๆ
ได้ในเวลาอันสั้น
.
วันนั้น ครูแอ๋ว พร้อมน้องปาร์ตี้ศิษย์รัก
และนักรบ มูลมานัส นักวาดภาพประกอบ
จึงได้มีโอกาสดื่มชาร่วมกัน
อันเป็นชาที่ครูแอ๋วมอบให้ผมไว้
และผมได้ดื่มมันเป็นครั้งแรกร่วมกับครูแอ๋ว
.
ครูแอ๋วได้มีโอกาสแก้ปมริบบิ้น
เพื่อเปิดอ่านต้นฉบับร่างแรกที่ผ่านการจัดหน้า
ผมเห็นน้ำตาปริ่มๆ ในดวงตาของครูแอ๋ว
เราได้สนทนากันยาวนาน ได้แลกเปลี่ยนความคิดเรื่องรูปเล่ม
หน้าปก และภาพประกอบกันอย่างราบรื่น สนุกสนาน
เหมือนทุกคนได้เข้าสู่พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ของการเยียวยา บำบัด
จนอาจจัดได้ว่าเป็นโมงยามที่งดงามของชีวิต
ของพวกเราทุกคนที่ร่วมสนทนาในบ่ายวันนั้น
.
ดังที่กล่าวมา ครูแอ๋ว อรชุมา ยุทธวงศ์ ปีนี้มีอายุ 72 ปีเต็ม
ถือเป็นวาระมงคลของชีวิต ครูแอ๋วมีลูกศิษย์ติวการแสดงทั่วฟ้าเมืองไทย
ตั้งแต่รุ่นใหญ่อย่างพี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ อุดม แต้พานิช
ไปจนถึงรุ่นยอดฮิตอย่างณเดชน์–ญาญ่า
.
ติวตั้งแต่ดาราอินเตอร์อย่าง จา พนม ผู้ออกตามหาช้าง
ไปจนถึงดาราบนหลังช้างจาก สุริโยไท
กระทั่งนายแบงค์กสิกรไทยอย่างคุณบัณฑูร ล่ำซำ
เมื่อจัดการแสดงหน้าพระที่นั่งถวายกรมสมเด็จพระเทพรัตนฯ
ยังมอบหมายให้ครูแอ๋วเป็นแม่งาน กำกับศิลป์การแสดงทั้งหมด
.
จากแอ๊คติ้งโค้ช ด้วยประสบการณ์และเมตตาบารมี
ช่วงหลังครูแอ๋วจึงต้องทำหน้าที่ไลฟ์โค้ชให้ผู้บริหารองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่
อาศัยศาสตร์อันลุ่มลึกของวิชาการละคร พลิกแพลงไปสู่
ศาสตร์แห่งการพัฒนาตนเองให้กลายเป็นคนที่ดีขึ้น
.
และนี่คือหัวใจของหนังสือเล่มนี้
หนังสือที่ผู้ซึ่งได้รับการกล่าวขาน
ว่าเป็นแอ๊คติ้งโค้ชหมายเลขหนึ่งของเมืองไทย
ได้ถ่ายทอดเทคนิคและเคล็ดวิชา ว่าเราจะนำศาสตร์แห่งการละคร
อันเป็นศาสตร์ขั้นสูงที่ถูกยกย่องมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ
มาใช้ในการพัฒนาหน้าที่การงานและชีวิตให้ดีขึ้นได้อย่างไร
.
หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นอย่างง่ายๆ เพื่อให้อ่านง่ายๆ
แต่การจะทำได้ตามที่หนังสือเขียนนั้นไม่ง่ายเลย
.
หนังสือเล่มนี้เหมือนกุญแจดอกเล็ก
ที่ใช้ไขเข้าสู่จักรวาลภายในของตัวเรา
เป็นกุญแจที่ไขเข้าไปค้นหาปริศนาแห่งตัวตน
ตามเทคนิคของคนละคร
หลายเทคนิค หลายคนเคยใช้ได้ผลบนเวทีใหญ่
ในภาพยนตร์ ในละครยอดฮิต
ใช้พิชิตปัญหาและข้อขัดแย้ง
ในการทำงานร่วมกันในองค์กรใหญ่
.
ถ้ากระจกมีไว้เพื่อให้เราใช้ส่องหน้า
หนังสือเล่มนี้ก็คือผลิตผลของประสบการณ์หลายสิบปี
ที่กลั่นออกมาจากงานศิลปะ หลายแขนง หลายด้าน
เพื่อให้เราได้ใช้ส่องจิตวิญญาณด้านในของตัวเรา
ดังคำกล่าวของจอร์จ เบอร์นาร์ด ชอว์ ที่ว่า
.
“You use a glass mirror to see your face;
you use works of art to see your soul.”
.
คุณส่องกระจกเพื่อเห็นหน้า
หากงานศิลปะนานาใช้ส่องให้เห็นวิญญาณ
.
หนังสือเล่มนี้มีจุดเริ่มต้นเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว
และมันต้องใช้เวลาถึง 13 ปี พอๆ กับเวลาที่พระรามเดินดง
———————————————-
Contents
Overture
โหมโรง
–
Prologue
คำเกริ่น
–
Flashback
ตัวตนกับความรัก
–
ACT I
ตัวตนและคุณค่า
–
ACT II
ตัวตนและคนละคร
–
ACT III
ตัวตนและชีวิต
–
ACT IV
ศิลปะของการละคร
–
ACT V
ละครซ้อนชีวิต
–
Epilogue
บทส่งท้าย
–
Curtain Call
คำขอบคุณ
–
Playwright
ประวัติผู้เขียน