ธ เสด็จสู่สวรรคาลัย ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ (ปกแข็ง)
ISBN: 9786167166742
ผู้แต่ง : กองบรรณาธิการ สำนักพิมพ์บ้านมงคล
ผู้แปล : -
สำนักพิมพ์ : บ้านมงคล
ปีที่พิมพ์ : 2559
จำนวนหน้า : 109
ขอน้อมเกล้าฯ ถวายความอาลัย
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
เสด็จสู่สวรรคาลัย
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต เมื่อเวลา 15.52 น. วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 สร้างความโทมนัสอาดูรแก่พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ
เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของคนทั้งแผ่นดินไทย ที่เห็นภาพคนไทยพร้อมใจกันแสดงความอาลัยอย่างต่อเนื่อง พลังแห่งความจงรักภักดีปรากฏอย่างชัดเจน โดยไม่ต้องการคำบรรยายภาพพสกนิกรชาวไทยสวมชุดดำชุดดำทุกหมู่เหล่ามาจากทุกสารทิศ เกิดขึ้นเอง เป็นไปเอง ด้วยจิตใจและความรู้สึกเดียวกัน คือ มาแสดงความจงรักภักดี แสดงอาลัย สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
การไปเข้าแถวต่อคิวอย่างเนืองแน่นโดยไม่ย่อท้อ แม้ฝนตกแดดออก เพื่อเข้าไปถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง สะท้อนให้เห็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์บ้านมงคล ได้รวบรวมข้อมูลและภาพต่างๆ ช่วง 89 พรรษาของพรัองค์ และ 70 ปีแห่งการครองราชย์ แบบปีต่อปีมารวมสรุปไว้ในหนังสือเล่มนี้ และโดยเฉพาะเหตุการณ์ “วันสวรรคต” (13 ตุลาคม 2559) สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมารได้ถวายสรงที่พระบาทพระบรมศพ จากนั้นทรงหวีเส้นพระเจ้าขึ้นครั้งหนึ่งหวีลงอีกครั้งหนึ่งแล้วหวีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แล้วหักพระสางนั้น วางไว้ในพานซึ่งเจ้าพนักงานเชิญอยู่...และพิธีการต่างๆในวันดังกล่าวอย่างกระจ่างชัด โดยเฉพาะขบวนพระบรมศพออกจากโรงพยาบาลศิริราชไปยังพระบรมมหาราชวัง ขณะที่ขบวนเคลื่อนพระบรมศพได้ผ่านพ้นไป ประชาชนแต่ละคนต่างทยอยลุกขึ้นเตรียมแยกย้ายกลับไปทำธุระของตนต่อ แต่ทางตำรวจและทหารได้รีบแจ้งว่ายังเหลืออีกหนึ่งขบวนเสด็จ บางคนอยากรู้ว่าใคร จึงได้ร้องถามไป แต่ไม่ได้คำตอบ พอขบวนเสด็จกำลังจะผ่านมาตรงหน้า ก็มีเสียงร้องว่า “ทรงพระเจริญ” พวกเราจึงส่งเสียงว่า “ทรงพระเจริญ” ตามรถโฟค์คสีครีมเคลื่อนผ่านมาตรงหน้า ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า คือ ผู้หญิงสูงอายุผมสีขาวโพลนทาปากสีแดงชาดทันใดนั้นพวกเราก็นึกขึ้นได้ว่า ผู้หญิงสูงอายุที่โบกพระหัตถ์ให้ประชาชนอย่างที่เราเคยเห็นในโทรทัศน์อย่างคุ้นตา พร้อมทั้งทรงแย้มพระสรวลอย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศเคยตรัสแก่นักข่าวหนุ่มอเมริกา คราวเสด็จเยือนสหรัฐอเมริกาเมื่อปี พ.ศ. 2503 นักข่าวผู้นั้นทูลถามว่า “ทำไมพระองค์ จึงทรงเคร่งขรึมนักไม่ทรงพระสรวลเลย?” ทรงหันพระพักตร์ไปทางสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พลางรับสั่งว่า “นั่นไง ยิ้มของฉัน” (She is my smile)
นี่ ! เป็นหนังสือที่น่าเก็บสะสมให้ลูกหลานได้อ่านรับรู้เหตุการณ์สำคัญแห่งประวัติศาสตร์ในชั่วชีวิตของคนไทย ที่ได้เกิดได้อยู่อาศัยใต้ร่มพระบารมีในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช “ทีฆราชย์แห่งสยาม” พระมหากษัตริย์ผู้ครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต เมื่อเวลา 15.52 น. วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2559 สร้างความโทมนัสอาดูรแก่พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ
เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของคนทั้งแผ่นดินไทย ที่เห็นภาพคนไทยพร้อมใจกันแสดงความอาลัยอย่างต่อเนื่อง พลังแห่งความจงรักภักดีปรากฏอย่างชัดเจน โดยไม่ต้องการคำบรรยายภาพพสกนิกรชาวไทยสวมชุดดำชุดดำทุกหมู่เหล่ามาจากทุกสารทิศ เกิดขึ้นเอง เป็นไปเอง ด้วยจิตใจและความรู้สึกเดียวกัน คือ มาแสดงความจงรักภักดี แสดงอาลัย สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
การไปเข้าแถวต่อคิวอย่างเนืองแน่นโดยไม่ย่อท้อ แม้ฝนตกแดดออก เพื่อเข้าไปถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง สะท้อนให้เห็นพระมหากรุณาธิคุณ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีต่อพสกนิกรชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้
กองบรรณาธิการสำนักพิมพ์บ้านมงคล ได้รวบรวมข้อมูลและภาพต่างๆ ช่วง 89 พรรษาของพรัองค์ และ 70 ปีแห่งการครองราชย์ แบบปีต่อปีมารวมสรุปไว้ในหนังสือเล่มนี้ และโดยเฉพาะเหตุการณ์ “วันสวรรคต” (13 ตุลาคม 2559) สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมารได้ถวายสรงที่พระบาทพระบรมศพ จากนั้นทรงหวีเส้นพระเจ้าขึ้นครั้งหนึ่งหวีลงอีกครั้งหนึ่งแล้วหวีขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แล้วหักพระสางนั้น วางไว้ในพานซึ่งเจ้าพนักงานเชิญอยู่...และพิธีการต่างๆในวันดังกล่าวอย่างกระจ่างชัด โดยเฉพาะขบวนพระบรมศพออกจากโรงพยาบาลศิริราชไปยังพระบรมมหาราชวัง ขณะที่ขบวนเคลื่อนพระบรมศพได้ผ่านพ้นไป ประชาชนแต่ละคนต่างทยอยลุกขึ้นเตรียมแยกย้ายกลับไปทำธุระของตนต่อ แต่ทางตำรวจและทหารได้รีบแจ้งว่ายังเหลืออีกหนึ่งขบวนเสด็จ บางคนอยากรู้ว่าใคร จึงได้ร้องถามไป แต่ไม่ได้คำตอบ พอขบวนเสด็จกำลังจะผ่านมาตรงหน้า ก็มีเสียงร้องว่า “ทรงพระเจริญ” พวกเราจึงส่งเสียงว่า “ทรงพระเจริญ” ตามรถโฟค์คสีครีมเคลื่อนผ่านมาตรงหน้า ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้า คือ ผู้หญิงสูงอายุผมสีขาวโพลนทาปากสีแดงชาดทันใดนั้นพวกเราก็นึกขึ้นได้ว่า ผู้หญิงสูงอายุที่โบกพระหัตถ์ให้ประชาชนอย่างที่เราเคยเห็นในโทรทัศน์อย่างคุ้นตา พร้อมทั้งทรงแย้มพระสรวลอย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศเคยตรัสแก่นักข่าวหนุ่มอเมริกา คราวเสด็จเยือนสหรัฐอเมริกาเมื่อปี พ.ศ. 2503 นักข่าวผู้นั้นทูลถามว่า “ทำไมพระองค์ จึงทรงเคร่งขรึมนักไม่ทรงพระสรวลเลย?” ทรงหันพระพักตร์ไปทางสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ พลางรับสั่งว่า “นั่นไง ยิ้มของฉัน” (She is my smile)
นี่ ! เป็นหนังสือที่น่าเก็บสะสมให้ลูกหลานได้อ่านรับรู้เหตุการณ์สำคัญแห่งประวัติศาสตร์ในชั่วชีวิตของคนไทย ที่ได้เกิดได้อยู่อาศัยใต้ร่มพระบารมีในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช “ทีฆราชย์แห่งสยาม” พระมหากษัตริย์ผู้ครองราชย์ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย