กัญชาปกรณัม (ฉบับปรับปรุงใหม่)
ISBN: 9789743159145
ผู้แต่ง : อัคนี มูลเมฆ
ผู้แปล : -
สำนักพิมพ์ : สยามปริทัศน์
ปีที่พิมพ์ : พิมพ์ครั้งที่ 3 พ.ศ. 2562
จำนวนหน้า : 288
ดำเนินการเลยขอบเขตของเหตุผล
เป็นความพยายามควบคุมความต้องการ
ของมนุษย์โดยใช้กฎหมาย ทำให้สิ่งที่มิได้เป็น
อาชญากรรมกลายเป็นอาชญากรรม
การห้ามเสพกัญชาเป็นการทำลายหลักการ
ที่รัฐบาลของเรากำหนดขึ้น"
__ "อับราฮัม ลินคอล์น" __
จริงหรือที่พูดกันว่า เมื่อเสพกัญชาแล้วจะช่วยให้ทำงานศิลปะได้ดีขึ้น? จริงหรือไม่ที่ว่าเสพแล้วทำให้เกิดสุนทรียะในหัวใจ ไม่ว่าจะฟังเพลง, เล่นดนตรี, ดูหนัง หรืออ่านหนังสือ ดูจะรื่นรมย์ไปเสียทุกอย่าง?
บ้างว่...าดีที่สุดกระทั่งทำรัก!
ผู้ที่เคยเสพคงรู้ดีว่าผลของการใช้กัญชาเป็นอย่างไร และอันที่จริงประโยคที่กล่าวไว้ข้างบนเป็นผลอันน้อยนิดเมื่อเทียบกับคุณูปการทั้งปวงของสมุนไพรชนิดนี้
จากการค้นคว้าเพื่อเขียน ‘กัญชาปกรณัม’ หรือ ‘Ganja Mythology’ ทำให้ผมรู้สึกทึ่งเมื่อทราบว่าผู้คนยุคโบราณใช้กัญชากันอย่างไร ผมพึงใจที่ได้ทราบว่ากัญชาคือ “ลมหายใจของเทพเจ้า” (The breath of Divine) สำหรับชาวอียิปต์ เป็นพืชที่ใช้เพื่อการ “ต่อต้านปีศาจทั้งปวง” สำหรับชาวอัสซีเรียนแห่งเมโสโปเตเมีย และผู้นับถือศาสนาโซโรอัสเตอร์ในเปอร์เซียยุคโบราณ
ส่วนชาวไซเธียน(Scythians)แห่งยุโรปเหนือเชื่อว่ากัญชาเป็นพืชวิเศษ เมื่อเสพแล้วทำให้ผู้เสพสามารถ “เหิรอยู่ในหมอกควัน”
ตำราสมุนไพรโบราณที่ชื่อ ‘มักข์ซาน’ ที่เกิดจากการผสมผสานความรู้ด้านสมุนไพรของอาหรับและกรีกไว้ด้วยกัน กล่าวถึงกัญชาไว้อย่างน่าประทับใจ :
“คาเนห์บอส (กัญชา) คือผู้ประทานความปิติสุข, ผู้โบยบินสู่ฟากฟ้า,
ผู้ชี้ทางสวรรค์, เป็นสวรรค์ของคนยาก แลผู้ปลอบประโลมยามทุกข์ระทม”
(kanehbos is the joy giver, the sky flier,
The heavenly guide, the poor man’s heaven,
The soother of grief.)
ในอินเดียยุคพระเวทมีตำนานที่น่าสนใจยิ่งกว่า ชาวชมพูทวีปเรียกกัญชาว่า “โอสถพระศิวะ” ด้วยว่าเทพเจ้าสำคัญองค์นี้ทรงนิรมิตพืชพันธุ์ดังกล่าวขึ้นมาเพื่อรักษาพระศอของพระองค์ ยามทรงดื่มฟองพิษเพื่อช่วยโลกให้รอด เพื่อเยียวยาพระศอ, ศิวะเทพทรงหยิบมังสาจากพระวรกายแล้วนิรมิตสมุนไพรขึ้นมา ด้วยเหตุนี้กัญชาจึงได้สมญาอีกประการว่า “อังกาจ” แปลว่า “เกิดจากกาย”
ชาวอินเดียถือว่ากัญชาเป็นทั้งโอสถพระศิวะ และเป็นพระศิวะในตัวมันเอง ด้วยว่ามันเกิดจากเนื้อหรือมังสาของพระองค์ พวกเขาจึงใช้กัญชาบูชาเทพองค์นี้ และเทพอื่นๆในวาระสำคัญต่างๆ
พระคัมภีร์ ‘อาถรรพเวท’ บัญญัติให้กัญชาเป็นหนึ่งในห้าพืชศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้เป็นโอสถและในพิธีบวงสรวง ทั้งเป็นราชาแห่งสมุนไพรทั้งปวง คัมภีร์พระเวทที่รจนาขึ้นเมื่อ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล เรียกเครื่องดื่มที่ทำจากการกัญชาว่า ‘โซมา’ (Soma) หรือ โสม (ที่แปลว่าพระจันทร์) มีไว้ทำเครื่องดื่มของเทพเจ้า เมื่อดื่มแล้วจิตวิญญาณจะเป็นอมตะ หรือเป็น Immotal Soul ขณะน้ำอมฤตดื่มแล้วร่างกายจะเป็น Immotal Body หรือกายเป็นอมตะ
เมื่อพระจันทร์เต็มดวง ปวงเทพจะดื่มโซมา โดยใช้พระจันทร์เสี้ยวเป็นภาชนะ ที่น่าประทับใจ พระคัมภีร์ ‘ฤคเวท’ ระบุว่าเมื่อมนุษย์ดื่มโซมาแล้วจะมีคุณวิเศษเยี่ยงเทพเจ้า :
“เราดื่มโซมา และกลายเป็นผู้อมตะ เราบรรลุถึงหนทางสว่างที่เทพเจ้าค้นพบ”
(We have drunk Soma and became immotal,
We attained the light, the gods discovered.)
ดังกล่าวแล้ว, กัญชาเป็นราชาแห่งสมุนไพรที่น่าทึ่งที่สุดในบรรดาสมุนไพรทั้งหลาย มีคุณูปการสำคัญอยู่สี่ด้าน กล่าวคือเพื่อใช้ในความเชื่อทางศาสนา (ในพิธีกรรม, การทำสมาธิ, บวงสรวงเทพเจ้าฯลฯ), ใช้ในอุตสาหกรรม (ทำกระดาษ, เสื้อผ้า,เชือก, เส้นใย,อาหาร ฯลฯ),ใช้เป็นยาสมุนไพรและยาสมัยใหม่(ที่รักษาสารพัดโรค จากการวิจัยพบว่ามีตัวยาอยู่ในกัญชาไม่น้อยกว่า 200 ชนิด), ใช้เพื่อความเริงรมย์ทางสังคม ที่ทุกเผ่าพันธุ์สืบทอดกันมาในทุกทวีป, ทุกชาติทุกภาษา ทุกหนแห่งบนพื้นพิภพ
สมุนไพรของพระเจ้าเคยถูกกล่าวหาว่าเป็น “สมุนไพรของซาตาน” โดยคริสตจักร แต่ท้ายที่สุดกระดาษจากพืชชนิดนี้ถูกนำมาตีพิมพ์ไบเบิ้ล กัญชาเคยพุ่งสู่ความรุ่งโรจน์ถึงขีดสุดในยุคล่าอาณานิคม,แต่ตกต่ำลงด้วยอคติของมนุษย์ กระทั่งพืชพันธุ์แห่งเสรีกลายมาเป็นพืชแห่งอาชญากรรม
ขณะนี้แพทย์ทั่วโลกกำลังตื่นตัว และเรียกร้องรัฐบาลให้ปลดปล่อยกัญชาออกจากการจองจำในฐานะเป็นพืชแห่งอาชญากรรม เพื่อเปิดให้มีการวิจัยอย่างเสรี รัฐบาลในยุโรปและอเมริกาปรับปรุงกฎหมายนี้ไปแล้ว ผู้คนกำลังลุกขึ้นมาพลิกฟื้นฟูการใช้กัญชาเพื่อวัตถุประสงค์ทั้งสี่กันทุกภาคพื้นทวีป
ทั้งหมดนี้มีรายละเอียดครบถ้วนอยู่ใน ‘กัญชาปกรณัม’
นี่คือเหตุผลแห่งการค้นคว้าและให้กำเนิดหนังสือเล่มนี้ออกมา ด้วยหวังว่าชาวสมุนไพรในประเทศไทยจะเห็นความสำคัญ และให้การสนับสนุนเพื่อปลดปล่อยกัญชาให้เป็นอิสระจากโซ่ตรวนของกฎหมาย และนำกลับมาใช้ในสังคมอย่างรู้คุณค่าอีกครั้ง.