หัวใจนักเขียน
ISBN: 9786167751894
ผู้แต่ง : -
ผู้แปล : -
สำนักพิมพ์ : -
ปีที่พิมพ์ : 2559
จำนวนหน้า : 255
‘หัวใจนักเขียน’ เป็นหนังสืออีกเล่มที่ใจจริงแล้วไม่ปรารถนาจะมีคำนำ คำตาม หรือคำบอกกล่าวของนักเขียนแต่อย่างใด นิยามของหนังสือก็ครบถ้วยดีแล้วว่า ‘บันทึกบทความ คำถาม-ตอบ และการบรรยาย’ ของ (นักเขียนคนหนึ่ง) อุทิศ เหมะมูล
จะมองว่าเป็นประเภทโคว้ทรอบรวมคำคม ข้อความส่งแรงบันดาลใจ กระตุ้นเร้าสำหรับนักริเริ่มเขียนหนังสือก็คงได้ จะมองว่าดูคล้ายเป็นคู่มือ แบบฝึกหัดความเข้าใจสำหรับการเขียนหนังสือก็ได้ แต่ที่จริงแล้วหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าการแบ่งปันทัศนคติ ความคิด ความรู้สึก ประสบการณ์ และความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานประพันธ์ในช่วงเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมาของชีวิตผู้เขียนเอง 10 กว่าปีที่มีใจรักให้อย่างลุ่มหลงศรัทธา และยืนอยู่เคียงข้างการทำงานประพันธ์ในฐานที่มันเป็นศิลปะ และผู้เขียนก็เคยกล่าวไว้ (หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยว่ามีใครพูดมาก่อนหน้านั้นแล้ว) ว่า “ศิลปะคือศาสนาของผม” เพื่อที่จะบอกว่า ศิลปะมอบชีวิตให้ผม และผมมีชีวิตอยู่ได้อย่างนับถือตัวเองก็ด้วยการทำงานศิลปะ และเป็นดังนี้ การทำงานเขียนจึงคือกล่องดวงใจของผม – หนังสือเล่มนี้จึงคือหัวใจอันเปลือยของนักเขียนคนหนึ่ง
การได้เขียนบันทึกคือการพยายามเข้าใจตัวเอง – ในระหว่างการเขียนนวนิยายเรื่องใหม่ บทความและสัมภาษณ์คือการแสดงทัศนะบางประการที่นอกเหนือไปจากเรื่องแต่ง (ขอของคุณพี่หนึ่ง วรพจน์ พันธุ์พงศ์ ที่ให้โอกาสสัมภาษณ์ผมและนับเป็นบทสัมภาษณ์แสนรักใคร่เพราะเปิดเปลือยตัวผมอย่างฉันมิตรที่สุด จึงขออนุญาตนับเป็นเสี้ยวชีวิตของตนบรรจุไว้ใน ‘หัวใจนักเขียน’) และการบรรยายนั้นก็คล้ายเป็นกึ่งๆ การบอกสารัตถะในสิ่งที่ตนทำ อันที่จริงแล้ว นอกเหนือจากใบหน้าผู้คนอันหลายหลากในหลายๆ พื้นที่ที่ผมไปบรรยายเกี่ยวกับการประพันธ์ เป็นการที่ผมได้เน้นย้ำให้หนักแน่นในการทำงานและแบ่งปันคำขอบคุณที่ผลงานต่างๆ ได้สร้างตัวตนผมขึ้นมาเป็นคำขอบคุณจากใจอย่างหนึ่ง
‘หัวใจนักเขียน’ เล่มนี้ ไม่ได้มีคุณค่าอันยิ่งใหญ่พอจะเป็นโคว้ทคำสีทอง หรือส่องประกายล้อแสงระยิบระยับอย่างอัญมณี ไม่ได้เป็นแบบแผนปฏิบัติ พหูสูตของนักเริ่มต้นอยากเขียน ให้เขียนเป็น เขียนดี และถูกต้อง หากว่ามันจะบอกนัยอะไรได้ก็คือ การเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม ว่าบัดนี้ การเขียนจะเป็นการขุดลึกลงไปเพื่อค้นหา ความงาม ความสุข และคุณค่าในตัวเอง และประสบการณ์นี้แปลกเหลือเกิน โดยผ่านการเขียน เราค้นพบผู้อื่น ชีวิตอื่นๆ เรียนรู้ที่จะรัก วางใจ และปกป้องความหวังด้วยเสรีภาพทางการเขียน พอๆ กับรับรู้อานุภาพของการประพันธ์ว่าเป็นสิ่งรินเติมชีวิตให้แก่กันและกันได้
หนังสือเล่มนี้เป็นชีวิตช่วงเริ่มต้นจนถึงอายุ 40 ปีของผู้เขียน มีความทะเยอทะยานพอๆ กับทะเล่อทะล่า มีความคงมั่นพอๆ กับเคลื่อนเปลี่ยนไปตามกาล ทำเหมือนถ่อมพอๆ กับอวดโอ่ มีสิ่งที่อาจเห็นชอบด้วยพอๆ กับสิ่งที่เห็นแย้ง ผู้เขียนเชื่อในเรื่องการเปลี่ยนแปลงและรินเติมให้แก่กันและกัน ถ้าหากอันใดในวิถีผู้เขียนมีน้อยก็จะขอแบ่งเติมจากนักอ่านท่านอื่นๆ ซึ่งในวันวัยของชีวิต 40 ปี (เลยครึ่งทางชีวิตมาแล้ว) ผู้เขียนรู้สิ่งต่างๆ ที่ตัวเองไม่รู้ต่อๆ ไป
ก็ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงเป็นหัวใจอันสัตย์ซื่อ ที่ได้มอบชีวิตมากด้านของตนแก่ผู้อ่าน คงจะได้พบความปลดเปลือยในหลายด้าน แม้ในท่าทีอันภูมิฐานก็ยังแฝงความโง่เขลา
ก็นั่นแหละคือมิตรภาพ คือหัวใจของผม
อุทิศ เหมะมูล
กันยายน 2559
‘หัวใจนักเขียน’ เป็นหนังสืออีกเล่มที่ใจจริงแล้วไม่ปรารถนาจะมีคำนำ คำตาม หรือคำบอกกล่าวของนักเขียนแต่อย่างใด นิยามของหนังสือก็ครบถ้วยดีแล้วว่า ‘บันทึกบทความ คำถาม-ตอบ และการบรรยาย’ ของ (นักเขียนคนหนึ่ง) อุทิศ เหมะมูล
จะมองว่าเป็นประเภทโคว้ทรอบรวมคำคม ข้อความส่งแรงบันดาลใจ กระตุ้นเร้าสำหรับนักริเริ่มเขียนหนังสือก็คงได้ จะมองว่าดูคล้ายเป็นคู่มือ แบบฝึกหัดความเข้าใจสำหรับการเขียนหนังสือก็ได้ แต่ที่จริงแล้วหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าการแบ่งปันทัศนคติ ความคิด ความรู้สึก ประสบการณ์ และความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานประพันธ์ในช่วงเวลา 10 กว่าปีที่ผ่านมาของชีวิตผู้เขียนเอง 10 กว่าปีที่มีใจรักให้อย่างลุ่มหลงศรัทธา และยืนอยู่เคียงข้างการทำงานประพันธ์ในฐานที่มันเป็นศิลปะ และผู้เขียนก็เคยกล่าวไว้ (หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยว่ามีใครพูดมาก่อนหน้านั้นแล้ว) ว่า “ศิลปะคือศาสนาของผม” เพื่อที่จะบอกว่า ศิลปะมอบชีวิตให้ผม และผมมีชีวิตอยู่ได้อย่างนับถือตัวเองก็ด้วยการทำงานศิลปะ และเป็นดังนี้ การทำงานเขียนจึงคือกล่องดวงใจของผม – หนังสือเล่มนี้จึงคือหัวใจอันเปลือยของนักเขียนคนหนึ่ง
การได้เขียนบันทึกคือการพยายามเข้าใจตัวเอง – ในระหว่างการเขียนนวนิยายเรื่องใหม่ บทความและสัมภาษณ์คือการแสดงทัศนะบางประการที่นอกเหนือไปจากเรื่องแต่ง (ขอของคุณพี่หนึ่ง วรพจน์ พันธุ์พงศ์ ที่ให้โอกาสสัมภาษณ์ผมและนับเป็นบทสัมภาษณ์แสนรักใคร่เพราะเปิดเปลือยตัวผมอย่างฉันมิตรที่สุด จึงขออนุญาตนับเป็นเสี้ยวชีวิตของตนบรรจุไว้ใน ‘หัวใจนักเขียน’) และการบรรยายนั้นก็คล้ายเป็นกึ่งๆ การบอกสารัตถะในสิ่งที่ตนทำ อันที่จริงแล้ว นอกเหนือจากใบหน้าผู้คนอันหลายหลากในหลายๆ พื้นที่ที่ผมไปบรรยายเกี่ยวกับการประพันธ์ เป็นการที่ผมได้เน้นย้ำให้หนักแน่นในการทำงานและแบ่งปันคำขอบคุณที่ผลงานต่างๆ ได้สร้างตัวตนผมขึ้นมาเป็นคำขอบคุณจากใจอย่างหนึ่ง
‘หัวใจนักเขียน’ เล่มนี้ ไม่ได้มีคุณค่าอันยิ่งใหญ่พอจะเป็นโคว้ทคำสีทอง หรือส่องประกายล้อแสงระยิบระยับอย่างอัญมณี ไม่ได้เป็นแบบแผนปฏิบัติ พหูสูตของนักเริ่มต้นอยากเขียน ให้เขียนเป็น เขียนดี และถูกต้อง หากว่ามันจะบอกนัยอะไรได้ก็คือ การเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม ว่าบัดนี้ การเขียนจะเป็นการขุดลึกลงไปเพื่อค้นหา ความงาม ความสุข และคุณค่าในตัวเอง และประสบการณ์นี้แปลกเหลือเกิน โดยผ่านการเขียน เราค้นพบผู้อื่น ชีวิตอื่นๆ เรียนรู้ที่จะรัก วางใจ และปกป้องความหวังด้วยเสรีภาพทางการเขียน พอๆ กับรับรู้อานุภาพของการประพันธ์ว่าเป็นสิ่งรินเติมชีวิตให้แก่กันและกันได้
หนังสือเล่มนี้เป็นชีวิตช่วงเริ่มต้นจนถึงอายุ 40 ปีของผู้เขียน มีความทะเยอทะยานพอๆ กับทะเล่อทะล่า มีความคงมั่นพอๆ กับเคลื่อนเปลี่ยนไปตามกาล ทำเหมือนถ่อมพอๆ กับอวดโอ่ มีสิ่งที่อาจเห็นชอบด้วยพอๆ กับสิ่งที่เห็นแย้ง ผู้เขียนเชื่อในเรื่องการเปลี่ยนแปลงและรินเติมให้แก่กันและกัน ถ้าหากอันใดในวิถีผู้เขียนมีน้อยก็จะขอแบ่งเติมจากนักอ่านท่านอื่นๆ ซึ่งในวันวัยของชีวิต 40 ปี (เลยครึ่งทางชีวิตมาแล้ว) ผู้เขียนรู้สิ่งต่างๆ ที่ตัวเองไม่รู้ต่อๆ ไป
ก็ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงเป็นหัวใจอันสัตย์ซื่อ ที่ได้มอบชีวิตมากด้านของตนแก่ผู้อ่าน คงจะได้พบความปลดเปลือยในหลายด้าน แม้ในท่าทีอันภูมิฐานก็ยังแฝงความโง่เขลา
ก็นั่นแหละคือมิตรภาพ คือหัวใจของผม
อุทิศ เหมะมูล
กันยายน 2559